วันเสาร์ที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

TO THE ONE I LOVE


TO THE ONE I LOVE

.....ภาพยนต์ญี่ปุ่นอีกเรื่องของปี ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์และทำให้ผู้ชมจากทุกเทศกาลภาพยนต์ทั่วโลกประทับใจ ที่จะทำให้คุณต้อง บันทึกทุกภาพ ทุกอารมณ์ ทุกความรู้สึกอบอุ่นลงสู่หัวใจเมื่อได้รับชม....ละเมียดทุกภาพ ทุกอารมณ์ กับภาพยนต์ ที่ถ่ายทอดภาพผ่านแผ่นฟิลม์ได้สวยที่สุดแห่งปี ด้วยสำนวนรักที่ร้อยเรียงผ่านทุกตัวอักษร ที่จะเติมเต็มหัวใจคุณทุกคนโดย Introduction “พรุ่งนี้...ถ้าหากคนที่เรารักต้องตายไป จะให้เขาได้ทานอะไรเป็นครั้งสุดท้ายดีนะ? พรุ่งนี้ถ้าหากเราจะสูญเสียเสียงของคนที่เรารักไป เราจะอยากได้ยินคำพูดแบบไหนเป็นครั้งสุดท้ายนะ? พรุ่งนี้ถ้าหากคนที่เรารัก...จะมองไม่เห็นอีกแล้วล่ะก็ เราจะให้เขาได้เห็นภาพอะไรในดวงตาคู่นั้นเป็นครั้งสุดท้ายดีนะ?”

.....Itoshi Kimi e Director's Cut Edition หรือ TO THE ONE I LOVE ภาพยนต์ซีรี่ย์เรื่องเยี่ยมที่การตอบรับสูงสุดจนได้รับการจัดอันดับติดหนึ่งใน 5 จากหนังสือพิมพ์ฮาซาฮี ภาคส่วนบันเทิงในปี 2004 ที่จะตราตรึงจิตใจของทุกท่านที่จะได้ชม และเชื่อว่าซีรี่ย์ชุดนี้จะต้องทำให้เพื่อนต้องเสียน้ำตาแต่คงไม่ใช่เพราะความเศร้าเพียงอย่างเดียวเป็นแน่ แต่น้ำตาที่ไหลออกมานั้นคงจะแฝงมากับรอยยิ้มเมื่อเราได้มีโอกาสได้มองหน้าคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจ...อีกครั้งนึง กับคำถามง่ายที่อาจจะไม่มีใครเคยถามเรา หรือแม้กระทั้งตัวเราเองก็มองข้ามที่จะถามคำถามนี้กับตัวเราเอง หากได้ชมซีรี่ย์ชุดนี้อาจจะทำให้คุณหันกลับมามองคนข้างๆและตอบคำถามนี้ในใจคุณ “คำถาม” ที่อยากให้คุณตอบตัวเอง ในเวลาที่คุณได้มองหน้าคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะคุณพ่อ คุณแม่ กับคนรัก หรือลูกชายลูกสาวของคุณ ถ้าคุณเหลือเวลาที่จะมองหน้า หรือได้อยู่กับเขาได้อีกไม่นาน...และกับความรักอันยิ่งใหญ่ที่แม่นั่นมีให้กับลูก ด้วยว่าลูกจะเป็นตายร้ายดียังไง หัวอกของคนเป็นแม้ย่อมรักและคอยดูแลอยู่เคียงข้างไม่ห่าง

.....เนื้อเรื่องย่อ เรื่องราวของเพื่อนรัก 3 คน โทโมกาว่า ชิกิ, อาซากุระ ไอ, และ โอริฮาร่า ชินโกะ ซึ่งได้ความงามของเมือง นางาซากิเป็นฉากหลัง ทั้งสามได้เดินทางจากโดเกียวเพื่อจะไปรวมพิธีศพของเพื่อนสนิท โทชิยะ เพิ่งที่เสียชีวิตไปโดยลำพัง โดยที่เขาเองไม่ได้ปริปากบอกใครเลยแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก นั่นเพราะเหตุใด...ก็ยังเป็นคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจของ ชิกิ อยู่จนเมื่อมาถึงนางาซากิ ณ ริมทะเลที่ ชิกิ บังเอิญได้พบกับ อาซูมิ ชุนซุเกะ(ฟุจิกิ นาโอะฮิโตะ) พี่ชายของโทชิยะ เป็นครั้งแรก ชุนซุเกะเองเป็นช่างภาพมีเสน่ห์ แต่ชิกิก็ไม่ได้ประทับใจในตัวเค้ามากนัก เพราะอาซูมิ ไม่ได้ดูเป็นทุกข์เป็นร้อนกับการจากไปของน้องชายสักนิด แต่ที่จริงแล้วเขากับรู้สึกโทษตัวเองอยู่ลึกๆกับการจากไปของน้องชาย กลับคำถามนี่เขาได้ถาม ชิกกิ ไปในคืนวันลอยโคมส่งวิญญาณของโทชิยะ

.....หลังพิธีศพผ่านไป ชิกิ เริ่มฝึกงานในโรงพยาบาล แผนกเด็ก ที่โตเกียว และแล้วโชคชะตาก็ได้เล่นตลกกับอาซูมิ และ ชิกิ อีกครั้ง เมื่อ อาซูมิบังเอิญมีธุระเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลพอดี เหตุผลที่อาซุมิไปโรงพยาบาลไม่ปรากฏแน่ชัด แต่ว่ากันว่าอาซูมิเป็นโรคที่ไม่ค่อยมีใครเป็นนัก คือโรค “Vasculo-Beche’s disease” ซึ่งน้อยคนนักจะเป็น ซึ่งจะทำให้เค้าต้องสูญเสียการมองเห็นภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า สำหรับอาซูมิที่เป็นช่างภาพแล้วนั้น โรคนี้นั้นเหมือนส่งผลให้เค้ารู้สึกเหมือนได้ตายไปแล้วทั้งเป็น จากนั้นทั้งสองคนจึงมีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้น ชิกิเองก็ได้เรียนรู้ว่าอาซูมิไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คิด จนเมื่ออาซูมิมีโอกาสที่จะถ่ายภาพเด็กในแผนกผู้ป่วยเด็ก ไม่นานหลังจากนั้น ชิกิ ถึงได้รู้เรื่องอาการป่วยของอาซูมิทำให้รู้สึกสงสารในโชคชะตาที่อาซูมิกำลังเผชิญ แต่เขาเองไม่ต้องการความเห็นใจจากใคร ทำให้อาซูมิโกรธชิกิทุกครั้งที่เธอพยายามจะช่วย ตัวเขาเองยังต้องเผชิญกับช่วงเวลาลำบากในการพยายามที่จะบอกความจริงให้แม่ได้รู้ เขาตัดสินใจว่าจะเลิกอาชีพช่างภาพแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนความตั้งใจและคิดจะทำงานถ่ายภาพต่อไปจนตามองไม่เห็น...แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ที่เขาออกจะเหินห่างและไม่ค่อยจะมีเวลาได้ดูแล และสุดท้ายกับคนที่เขารัก คือการเก็บภาพเธอไว้ในความทรงจำก่อนที่เขาจะไม่สามารถมองเห็นเธออีกเป็นครั้งสุดท้าย

.....เมื่อได้มีโอกาสได้ชมซีรี่ย์ชุดนี้ มันอดไม่ได้ที่จะถามคำถามบางอย่างกับตัวเอง เวลาที่แอบหันไปมองหน้าคนที่เรารักและทบทวนคำถามข้างต้นกับตัวเอง บางครั้งที่เรามองย้อนกลับไปด้วยการกระทำบ้างอย่างที่เชื่อว่าทุกคนต้องพลาดพลั้งทำไปให้คนที่เรารักมากที่สุดต้องเสียน้ำตา หากได้ชมและฉุกคิดซักนิด หวังว่าในที่สุดแล้วทุกคนคงจะรู้คำตอบที่อยู่ในใจ...ลองหันไปมองคนที่คุณรัก แล้วหลับตา...เดินจากเขาไป เพื่อจะไปทำอะไรบางอย่างให้เขา แล้วคุณจะเข้าใจถึงความรู้สึก ที่ภาพยนต์ซีรี่ย์ชุดนี้จะบอก